นักอนุกรมวิธานจัดจำแนกอาณาจักรพืช ได้ดังนี้
1.
กลุ่มพืชไม่มีเนื้อเยื่อลำเลียง
กลุ่มพืชไม่มีเนื้อเยื่อลำเลียง(nonvascular
plant) แบ่งออกเป็น 3 ไฟลัม โดยใช้โครงสร้างและรูปร่างเป็นเกณฑ์
คือ
1.1 Phylum
Hepatophyta ต้นแกมีโทไฟต์ มีทั้งที่เป็นต้น
มีส่วนคล้ายใบและที่เป็นแผ่นบางๆภายในเซลล์จะมีหยดน้ำมันอยู่ด้วย ต้นสปอโรไฟต์เมื่อแก่จะแตกออก
เพื่อปล่อยสปอร์กระจายพันธุ์ ตัวอย่างพืช เช่น ลิเวอร์เวิร์ท
ลิเวอร์เวิร์ท
|
1. 2. Phylum
Anthocerophyta ต้นแกมีโทไฟต์มีลักษณะเป็นแผ่น มีรอยหยักที่ขอบ
มักมีคลอโรพลาสต์เพียง 1 คลอโรพลาสต์ต่อเซลล์ และต้นสปอร์โรไฟต์จะมีลักษณะยาวเรียว
มีเนื้อเยื่อเจริญอยู่ที่โคนต้น เช่น ฮอร์นเวิร์ต
ลิเวอร์เวิร์ท
|
1.3 .Phylum Bryophyta
ต้นแกมีโทไฟต์มีลักษณะคล้ายใบที่เรียงเวียนรอบแกนกลาง ต้นสปอร์โรไฟต์มีอับสปอร์
ซึ่งมีโครงสร้างพิเศษช่วยในการกระจายสปอร์หรือมีช่องเปิดเพื่อกระจายสปอร์ เช่น
มอส
มอส
|
มอส |
2.
พืชที่มีเนื้อเยื่อลำเลียงแต่ไม่มีเมล็ด
ประกอบด้วยเฟินแท้ และกลุ่มใกล้เคียงเฟิน พืชกลุ่มนี้มีราก
ลำต้นและใบที่แท้จริง ภายในรากมีเนื้อเยื่อลำเลียงเหมือนที่พบในลำต้น มีต้นแกมีโทไฟต์และต้นสปอร์โรไฟต์เจริญแยกกัน
หรืออยู่รวมกันในช่วงสั้นๆ โดยต้นแกมีโทไฟต์จะมีวงชีวิตสั้นกว่าสปอร์โรไฟต์
ปัจจุบันแบ่งออกเป็น 2 ไฟลัมคือ
2.1.
Phylum Lycophyta
เป็นพืชที่มีลำต้นและใบที่ทแจริง มีใบขนาดเล็ก มีเส้นใบ 1
เส้นที่ไม่แตกแขนง ที่ปลายกิ่งจะมีกลุ่มของใบที่ทำหน้าที่สร้างอับสปอร์
พืชกลุ่มนี้ได้แก่ ไลโคโปเดียม เช่น สามร้อยยอด หางสิงห์ ซีแลกจิเนลลา เช่น
ตีนตุ๊กแก และกระเทียมน้ำ
สร้อยนางกรอง
|
หางสิงห์
|
ช้องนางคลี่
|
สามร้อยยอด
|
ตีนตุ๊กแก
|
กระเทียมน้ำ
|
2. 2.
Phylum Pterophyta
ตัวอย่างของพืชกลุ่มนี้ได้แก่ หวายทะนอย หญ้าถอดปล้องและเฟิน
-
หวายทะนอย (Psilotum
sp.) ไม่มีราก ไม่มีใบ (ถ้ามีจะมีขนาดเล็กมาก)
มีการแตกกิ่งเป็นคู่
หวายทะนอย
|
-
หญ้าถอดปล้อง(Equisetum
spp.) เป็นกลุ่มพืชที่มีลำต้น มีข้อปล้องชัดเจน
มีทั้งลำต้นตั้งตรงบนดินและลำต้นใต้ดิน ลำต้นตั้งตรงบนดินมีสีเขียวเป็นสัน
ใบมีขนาดเล็ก มีเส้นใบเพียง 1 เส้น เรียงเป็นวงรอบข้อ
อับสปอร์เป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง เรียกว่า strobilus
หญ้าถอดปล้อง
|
- เฟิน(Fern)
มีราก ลำต้น ใบ ที่แท้จริง โดยมีเส้นใบแตกแขนง ใบอ่อนม้วนจากปลายสู่โคนใบ
ใบอาจเป็นใบเดี่ยว หรือใบประกอบ มีสปอร์อยู่ใต้ใบเมื่อใบแก่ ตัวอย่างของเฟินได้แก่
เฟินใบมะขาม เฟินก้านดำ ข้าหลวงหลังลาย ชายผ้าสีดา ย่านลิเภา แหนแดง
จอกหูหนู ผักแว่น ผักกูด เป็นต้น
ชายผ้าสีดา
|
เฟินก้านดำ
|
ข้าหลวงหลังลาย
|
จอกหูหนู
|
ผักแว่น
|
ย่านลิเภา
|
แหนแดง
|
ผักกูด
|
ใบอ่อนของเฟิน
|
ใบอ่อนของเฟิน
|
สปอร์ใต้ใบของเฟิน
|
สปอร์ใต้ใบของเฟิน
|
3.
พืชที่มีเนื้อเยื่อลำเลียงที่มีเมล็ด
มีระยะสปอร์โรไฟต์ที่เด่นชัด และยาวนาน แต่ระยะแกมีโทไฟต์จะมีขนาดเล็กลงมากเมื่อเทียบกับมอสและเฟิน
ปัจจุบันแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
3.1
Gymnosperm (พืชเมล็ดเปลือย) ลักษณะที่สำคัญคือ ออวุลและละอองเรณูติดบน
แผ่นกิ่งหรือแผ่นใบซึ่งจะอยู่รวมกันที่ปลายกิ่ง เรียกว่า
cone
แยกเป็นโคนเพศผู้และโคนเพศเมีย เป็นพืชที่ไม่มีอก แต่มีเมล็ด
เมล็ดไม่มีผนังรังไข่ห่อหุ้ม จึงเรียกว่า เมล็ดเปลือย แบ่งออกเป็น 4 Phylum
คือ
-
Phylum Cycadophyta
เป็นพืชที่มีการกระจายพันธุ์ในบริเวณที่แห้งแล้งได้ดี
มีลำต้นค่อนข้างเตี้ย ใบมีขนาดใหญ่เป็นใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียว
มีการสร้างโคนเพศผู้และโคนเพศเมียแยกต้นกัน เช่น ปรง ปรงป่า ปรงเขา เป็นต้น
ปรง
|
โคนของปรง
|
-
Phylum
Ginkophyta ปัจจุบันเหลือเพียงสปีชีส์เดียว คือ แป๊ะก๊วย
มีลักษณะใกล้เคียง
กับพืชที่สูญพันธุ์ไปแล้ว พบตามธรรมชาติในประเทศจีน เกาหลีและญี่ปุ่น
ลำต้นมีขนาดใหญ่ ใบเดี่ยวคล้ายพัด ต้นเพศเมียสร้างออวุลที่ปลายกิ่งพิเศษ
เมล็ดมีอาหารสะสมนิยมนำมารับประทาน
ต้นแป๊ะก๊วย
|
ใบแป๊ะก๊วย
|
- Phylum Coniferophyta
เป็นพืชที่มีความหลากหลายมากที่สุดในพืชกลุ่มเมล็ดเปลือยทั้งในด้านลักษณะของต้นและโครงสร้างของอวัยวะสืบพันธุ์
โคนเพศผู้และเพศเมียอาจเกิดบนต้นเดียวกันหรือแยกต้นกัน เช่น สนสองใบ สนสามใบ
สนสามพันปี พญาไม้ เป็นต้น
สนสามใบ
|
โคนของสน
|
โคนของสน
|
- Phylum Gnetophyta เป็นพืชที่มีลักษณะแตกต่างจากพืชเมล็ดเปลือยกลุ่มอื่น
คือพบเวสเซลในท่อลำเลียงน้ำ และมีลักษณะคล้ายพืชดอกมาก คือ มีกลีบดอก มีใบเลี้ยง 2
ใบ แต่แมล็ดยังไม่มีเปลือกหุ้ม ปัจจุบันพบประมาณ 3 สกุล แต่ที่พบในประเทศไทย คือ
มะเมื่อย มักพบตามป่าชื้นเขตร้อน
มะเมื่อย
|
3.2 angiosperm
( พืชดอก ) เป็นกลุ่มพืชที่มีความหลากหลายมากที่สุดในอาณาจักรพืช
พืชกลุ่มนี้มีดอกซึ่งเป็นกิ่งที่เปลี่ยนแปลงมาเป็นโครงสร้างที่ใช้ในการสืบพันธุ์ มีออวุลเจริญอยู่ในรังไข่
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเกสรตัวเมีย (มีดอก มีเมล็ด เมล็ดมีผนังรังไข่ห่อหุ้ม)
แบ่งเป็น
พืชใบเลี้ยงเดี่ยว (Monocotyledon)
และพืชใบเลี้ยงคู่ (Dicotyledon)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น